เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต
2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN(Internet Services Digital Network)
เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital) และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ คือ
ต้องติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) ที่ให้บริการการเชื่อมต่อแบบ ISDN
การเชื่อมต่อต้องใช้ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ
ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่จะใช้บริการนี้ อยู่ในอาณาเขตที่ใช้บริการ ISDN ได้หรือไม่
3.การเชื่อมต่อแบบ DSL(Digital Subscriber Line)
เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL ก็คือ
ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่ติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการระบบโทรศัพท์แบบ DSL หรือไม่
บัญชีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในแบบ DSL
การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ
ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
4.การเชื่อมต่อแบบ Cable
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
ใช้ Cable Modem เพื่อเชื่อมต่อ
ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites)
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
จานดาวเทียมขนาด 18-21 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากดาวเทียม
ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
ตารางแสดงความเร็ว ข้อดี และข้อเสียของบริการสายสื่อสารแต่ละชนิด
บริการสายสื่อสาร
|
ความเร็ว
|
ข้อดี
|
ข้อเสีย
| ||
Dial-up Line
(สายโทรศัพท์)
|
56 Kbps
|
- ราคาถูก
- มีใช้กันอย่างกว้างขวาง
|
- ใช้เวลามากในการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่
| ||
Leased Line
|
ขึ้นอยู่กับสายสื่อสารที่ใช้
|
- กำหนดค่าใช้จ่ายได้
- มีความคล่องตัวในการใช้งานเครือข่าย
|
- หากไม่มีผู้ใช้งานตลอดเวลาจะทำให้ใช้ประโยชน์จากสายสื่อสารได้ไม่เต็มที่
| ||
ISDN Line
|
64-128 Kbps
|
- มีความเร็วกว่าสายโทรศัพท์
- ส่งทั้งเสียงพูดและข้อมูลได้พร้อมกัน
|
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าสายโทรศัพท์ธรรมดา
- มีใช้เฉพาะบางพื้นที่
| ||
ADSL Line
|
128 Kbps-9Mbps
|
- เร็วกว่า ISDN Line
- มีบริการเสริม
|
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- มีใช้เฉพาะบางพื้นที่
|
CATV
|
128 Kbps-2.5Mbps
|
- มีความเร็วสูง
- ใช้สายเคเบิลทีวีที่มีการติดตั้งตามบ้านเรือน
|
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- มีใช้เฉพาะบางพื้นที่
|
T1 Line
|
1.555 Mbps
|
- มีความเร็วสูง
|
-สายสื่อสารมีราคาสูง
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง
|
T3 Line
|
44 Mbps
|
- เสียค่าบริการรายเดือนสูง
|